วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ฟัตวาเรื่องญิฮาด


เชคมูฮัมมัด นาศิรุดดีน อัลบานีย์[1] รอฮิมาฮุลลอฮ์
ซาเล็ม บุญมาศ [2] เรียบเรียง
    
     โอ้พี่น้องทั้งหลาย! สำหรับเรื่องการญิฮาดทั้งในเวลานี้และก่อนหน้านี้มันคือ ฟัรฏูอัยน์”  เช่นในเรื่องของบอสเนีย มันไม่ใช่แค่ปัญหาของชาวบอสเนียเท่านั้นแต่มันได้เร้าอารมณ์ความรู้สึกของเยาวชนมุสลิม  ส่วนในเรื่องของอิสราเอลซึ่งกำลังยึดครองปาเลสไตน์อยู่นั้นเป็นความจำเป็นของประเทศมุสลิมทุกประเทศที่จะต้องญิฮาดกับอิสราเอล ต้องขับไล่พวกเขาออกจากดินแดนปาเลสไตน์รวมทั้งชายฝั่งทะเลด้วย แต่ฉันเห็นว่ามีเพียงเล็กน้อยของผู้นำประเทศมุสลิมเท่านั้นที่กระทำได้เช่นนั้น(หมายถึงกล้าญิฮาดกับอิสราเอล)เหตุผลที่การญิฮาดเป็นฟัฏูดูอัยน์เพราะดินแดนมุสลิมทั้งในอดีตและปัจจุบันถูกยึดครองโดยพวกกาเฟร พี่น้องมุสลิมถูกกดขี่ทั้งในเรื่องการประกอบอาชีพและความกังวลในชีวิตความเป็นอยู่ ความเป็นมุสลิม(หมายถึงความเป็นพี่น้อง)ไม่ว่าจะพูดภาษาอะไร อยู่ ณ ดินแดนใด หรือมีแนวคิดอย่างไร(พวกเขาก็คือมุสลิม) แต่การญิฮาดนั้นมีหลักการและเงื่อนไขและพวกเรา(หมายถึงบรรดาอุลามาอ์)เห็นว่าพันธกิจแห่งการญิฮาดเป็นพันธกิจในการช่วยเหลือพี่น้องมุสลิมในการขับไล่กาเฟรออกจากดินแดนมุสลิมที่เขายึดครองอยู่
     หลักฐานจากกิตาบุลลอฮ์ ซุนนะฮ์และอิจญมาอ์ในหมู่ปวงปราชญ์ ว่าด้วยเรื่องการญิฮาดนั้นคือฟัรฏูอัยน์ แต่ก็ได้เกิดคำถามตามมาว่า(ในปัจจุบัน)มุสลิมอาศัยโดยอยู่กันในหลายๆประเทศ ฮูก่มการญิฮาดจะเป็นเช่นไร  สำหรับฉันในเรื่องนี้มีทัศนะว่ามันเป็น ฟัรฏู ซึ่งมีแนวโน้มว่าเป็นฟัรฏูอัยน์”  การญิฮาดไม่ใช่เรื่องส่วนบุคคลและไม่เพียงแค่กลุ่มที่ถูกจัดตั้งขึ้นเท่านั้น แต่ในเวลานี้มันเป็นพันธกิจของเหล่าประเทศมุสลิม ประเทสเหล่านั้นต้องสร้างความแข็งแกร่ง(ด้านกองทัพ)เพื่อสร้างความพร้อมสู่การทำสงครามซึ่งหมายรวมถึงการสร้างยุทธศาสตร์การสงครามแบบใหม่ๆขึ้นมาซึ่งถ้าหากพวกเขาเข้าร่วมกันด้วยความบริสุทธิในการญิฮาดพวกเขาก็ได้กระทำฟัรฏูอัยน์ แต่น่าเสียดายที่ประเทศ(มุสลิม)ไม่ยอมรวมตัวกันเพื่อญิฮาด ดังนั้นควารอ้างเรื่องการญิฮาดไปยังกลุ่มมุสลิมต่างๆให้ญิฮาดในขณะที่กาเฟรกำลังโจมตีมุสลิมอย่างหนักหน่วง ในปัจจุบันมีกลุ่มมุสลิมที่ต่อต่อกับการรุกรานของกาเฟร เช่น ในอัฟกานิสสถาน การปฏิวัติผู้นำที่มีพฤกติกรรมกาเฟร เช่นในแอลจีเรีย แต่มันก็แสดงให้เห็นว่าการญิฮาดที่กระทำโดยแต่ละบุคคล ไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ ไม่สามารถสร้างกฎหมายของอัลลอฮ์ขึ้นมาได้
     เราเห็นว่าการญิฮาดไม่ใช่หน้าที่ของประเทศมุสลิมประเทศใดประเทศหนึ่ง กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งแต่เป็นหน้าที่ของมุสลิมทั้งมวล ซึ่งดินแดน ที่อาศัย ไม่ได้แบ่งแยก(ความเป็นมุสลิม)ออกจากกัน สิ่งจำเป็นอีกอย่างหนึ่งสำหรับการญิฮาดคือการตักวาต่ออัลลอฮ์ นั่นคือการกระทำในสิ่งที่อัลลอฮ์กำหนดไว้และหลีกห่างจากสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ห้าม และการประกอบศาสนกิจที่ถูกต้อง(ตามซุนนะฮ์)แต่เสียดายที่พวกเขา(หลายๆกลุ่ม)ไม่มีสิ่งเหล่านี้
     ในเรื่องนี้ฉันพยายามกล่าวอย่างกระชับที่สุด ฉันเห็นว่าในช่วงเวลาปัจจุบันเป็นช่วงเวลาที่มุสลิมตกต่ำที่สุด ช่วงเวลาแห่งความอัปยศที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์อิสลาม(หมายถึงเป็นเวลาที่เราไม่มีคอลีฟะฮ์) ในอัลกรุอานอายะฮ์หนึ่งอัลลอฮ์พูดว่า ถ้าสูเจ้าช่วยเหลืออัลลอฮ์ อัลลอฮ์ก็จะช่วยเหลือสูเจ้า  นี้คือสิ่งชัดเจนว่าอัลลอฮ์จะช่วยเหลือมุสลิม นั่นคือการช่วยสถาปนากฏหมายชะรีอะฮ์ให้เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง แต่ในความเป็นจริง เห็นว่าประเทศมุสลิมส่วนใหญ่และชาวมุสลิมส่วนใหญ่ไม่ตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องนี้(การใช้กฏหมายชะรีอะฮ์) และนี้คือเหตุผลที่ฉันเรียกร้องให้ทำการ ญิฮาดละเนื่องจากรัฐมุสลิมและเหล่าประชาชนยังคงอ่อนแอและพวกเขาได้ปล่อยธงแห่งการญิฮาด (หมายถึงละทิ้งฮูก่มญิฮาด)
และการญิฮาด คือการเรียกร้องให้ต่อสู้กับศัตรูโดยให้เขาญิฮาดในที่ซึ่งใกล้ที่สุดสำหรับเขา(คือสะดวกในการเข้าร่วมที่สุด)ไม่ใช่ในที่ที่ไกลออกไป(ขณะที่มีการญิฮาดในที่ใกล้ๆ) ได้แก่ ในดินแดนของตนเอง เพราะหากไม่สามารถยิฮาดในที่ใกล้ๆได้ ฉันเห็นว่าไม่สามาถรที่จะออกญิฮาดในดินแดนไกลออกไปได้ เช่น       เอริเตรีย โชมาเลีย เชชเนีย
     เมื่อถึงตอนนี้ฉันจะพูดต่อไปว่า เยาวชนมุสลิมทั้งหลาย รวมทั้งบุคคลอื่นๆและกลุ่มดาอีย์อื่นๆ ท่านจะต้องนำคำสอนที่ถูกต้อง(ตามกีตาบุลลอฮ์และซุนนะฮ์)ไปสู่ดินแดนต่างเริ่มที่ไปสู่ประชาชนก่อน และผู้ปกครอง และจงสร้างกฏหมายของอัลลอฮ์ขึ้นมาในดินแดนนั้นๆในที่สุด
     ท่านรอซูลุลลอฮ ศอลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม พูดว่า เมื่อไรก็ตามที่พวกท่านพอใจอยู่กับธุรกิจของพวกท่าน พอใจอยู่กับปศุสัตว์ของพวกท่าน พอใจอยู่กับเรือกสวนไร่นาของพวกท่าน แล้วพวกท่านได้ทิ้งการญิฮาดในหนทางของอัลลอฮ์แล้ว อัลลอฮ์จะทำให้พวกท่านอยู่ในความอัปยศ และพวกท่านจะอยู่ในนั้นตลอด จนกว่าพวกท่านจะกลับสู่ดีนของพวกท่านอีกครั้ง(คือญิฮาด)
      ท่านรอซูลุลลอฮ ศอลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม พูดว่า อุมมะฮ์อื่นๆจะรุมกินโต๊ะพวกท่านประหนึ่งบุคคลที่กินอาหารเป็นโต๊ะอาหาร  ซอฮาบะฮ์ถามว่า เพราะเรามีจำนวนน้อยกระนั้นหรือ? ท่านตอบว่า  ไม่ใช่ พวกท่านจะมีจำนวนมากแต่เป็นจำนวนมากเหมือนฟองน้ำทะเล(คือไร้ประโยชน์) อัลลอฮ์จะเอาความกลัวออกจากศัตรูของพวกเจ้า และจะประทับอัลวะฮ์ลงบนหัวใจของพวกเจ้า  ซอฮาบะฮ์ถามว่า อะไรคือ อัลวะฮ์? ท่านตอบว่า คือการรักดุนยาและเกลียดความตาย   
     ในเวลานี้ดินแดนมุสลิมต่างๆไม้ใช้กฏหมายของอัลลอฮ์ในการปกครองและไม่มีทีท่าว่าจะเรียกร้องสู่การญิฮาดได้ เพราะไม่มีความพร้อมดังนั้นการญิฮาดจึงไม่วายิบ แต่ในขณะเดียวกันประเทศมุสลิมหลายๆประเทศกำลังถูกยึดครองโดยการเฟร จึงเกิดคำถามขึ้นว่าแล้วเมื่อไรการญิฮาดจึงจะถือเป็นวายิบ  ปัญหาในหมู่เราตอนนี้คือไม่มีใครมีความพร้อมที่จะญิฮาดได้  ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? เพราะพวกเราจมปลักอยู่ในความแตกต่างและการแบ่งแยกเชื้อชาติซึ่งเป็นประตูไปสู่ความอ่อนแอ ดังนั้น ความพ่ายแพ้ของมุสลิมคือการนิยมในพวกพ้อง(Asabiyah)และความแตกแยกของมุสลิมนั้นเอง  ดังตัวอย่างซึ่งฉันเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นคือการญิฮาดที่อัฟกานิสสถาน พวกเขาทำการญิฮาดและได้รับชัยชนะเหนือคอมมูนิสม์(shuyuiyyeen) และฉันหวังว่าจะเป็นเมล็ดพันธ์แห่งรัฐอิสลามแต่แล้วด้วยความนิยมในเผ่าพันธุ์จึงทำให้พวกเขาแตกแยกออกเป็นเจ็ดเผ่าหลักการการได้รับชัยชนะ ทั้งๆที่ดีนแห่งอิสลามห้ามในเรื่องนี้
อัลลอฮ์พูดว่า มันไม่ใช่พวกตั้งภาคีหรอกหรือ ที่ได้แยกดีนของพวกเขาออกเป็นก๊กต่างๆ แล้วแต่ละก๊กก็ภูมิใจในที่ที่ตัวเองครอบครอง  ดังนั้นเมื่อใครคนหนึ่งประสงค์ที่จะญิฮาด นั้นหมายความว่าเขาจะได้ญิฮาด หมายความว่าเขาจะได้รับชัยชนะ แต่ในความเห็นของฉันเห็นว่ามันคงไม่ใช่ในช่วงเวลาของเรา อัลลอฮ์ได้พูดไว้ในอัลกรุอานว่า แท้จริงอัลลอฮ์จะไม่เปลี่ยนสภาพของกลุ่มชนใด นอกจากเขาจะเปลี่ยนแปลงตัวของเขาเอง
    
     ฉันขอเรียกร้องมวลมุสลิมต่างๆอย่าได้แบ่งแยกพวกท่านด้วยกับรัฐบาล(หมายถึงให้ถือว่ามุสลิมคือหนึ่งเดียวกัน) พวกท่านจงเผยแพร่หลักอิสลามที่บริสุทธิ์ออกไป ขจัดบิดอะฮ์ออกให้สิ้นเพื่อนำอิสลามสู่ความรุ่งเรืองอีกครั้ง เมื่อสิ่งเหล่านี้ได้เกิดขึ้นนั้นคือสัญญาณของการพร้อมที่จะญิฮาดของมวลมุสลิม นั้นคือฟัรฏูอัยน์ในเรื่องการญิฮาดได้เริ่มต้นแล้ว
     อัลลอฮ์พูดว่า .และจงเตรียมตัวสำหรับพวกเขา ในสิ่งที่สูเจ้าสามารถทั้งในเรื่องความแข็งแกร่งและอาวุธเพื่อฟันพวกเขา ความกลัวได้เข้าสู่หัวใจของพวกเขาแล้ว” 

วัสสลาม
เรียบเรียงเมื่อ 9 พฤกษภาคม 2554


     โหลดเป็นไฟล์  Word  ได้ที่ http://www.4shared.com/file/gsGVupwS/_online.html
    



[1] เชคอัลบานีย์เป็นนักฮาดิษคนสำคัญของโลกมุสลิมในศตวรรษปัจจุบัน
[2] กลุ่มอัซซาบิกูน      www. อิสลาม.net 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น