วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2554

จะตะอัซซุบหรือไม่ตะอัซซุบ



ความหลากหลายของกลุ่มญามาอะฮฺซึ่งแน่นอนว่าการทำงานของแต่ละกลุ่มย่อมมีความเฉพาะของกลุ่มแต่ละกลุ่มซึ่งแตกต่างกัน อย่างไรก็ตามความแตกต่างเหล่านี้ไม่เป็นปัญหาของการดะวะฮฺอิสลามียะฮฺแน่นอนเพราะแต่ละกลุ่มมีเป้าหมายเดียวกัน คือเพื่อความพอใจของอัลลอฮฺอัซซะวะญัลเท่านั้น

แต่ในสภาพจริงที่เกิดขึ้นในปัจจุบันพบว่ามีความขัดแย้งในแนวทางของญามาอะฮฺอย่างมากมาย เช่นเดียวกันกับอดีตที่มีความขัดแย้งในเรื่องของมัซฮับอย่างมากมายนั้นเอง ต้นเหตุของความขัดแย้งอยู่ที่ความตะอัซซุบนั้นเอง 

ประเด็นที่ต้องกล่าวกันอย่างชัดเจนที่สุด คือ อะไรและอย่างไรคือตะอัซซุบหรืออะศอบียะฮฺ  ซึ่งรอซูลลุลอฮฺได้ให้ความหมายไว้อย่างชัดเจนที่สุดว่า คือ การช่วยเหลือหมู่คณะของตนในเรื่องที่ไม่เป็นธรรม (อิบนิมาญะฮฺ) ซึ่งบุคคลประเภทนี้รอซูลลุลลอฮฺกล่าวว่า ไม่ใช่พวกของท่าน  (อบูดาวูด)  ดังนั้นฉันเห็นว่าจะต้องมีความชัดเจนที่จะกล่าวหาว่าอย่างไร  ใคร พฤติกรรมเช่นไร จึงเป็นการอะศอบียะฮฺหรือตะอัซซุบ การพูดลอยๆ ฟังดูดี และกว้างๆ ซึ่งจะพูดอย่างไรก็ไม่มีวันผิด แต่ไม่มีประโยชน์ใดๆทางวิชาการ ย่อมใช้ไม่ได้ และจะเป็นการอธรรมต่อพี่น้องมุสลิมอย่างไม่รู้สึกรู้สาก็เป็นได้

ดังนั้นประเด็นสำคัญที่สุด ก็คืออย่างที่เชคอัลบานียฺกล่าวไว้ คือให้พูดเตือนพี่น้องของเขาตรงๆ เพราะการกระแหนะกระแหนพี่น้องถือว่าต้องห้าม ให้ตำหนิตรงๆอย่างที่ท่านนบีกล่าวกับท่านอบูบักรว่า ท่านถูกส่วนบางส่วนและผิดบางส่วน (ซีฟัตซอลาตุลนะบี) 

ส่วนการตามผู้รู้การตามเชคต่างๆ การตามมัซฮับ การตามันหัจ(แนวทาง)หนึ่งในการทำงานไม่ใช่เรื่องผิด และไม่ใช่การตะอัซซุบอย่างแน่นอน  แต่การตะอัซซุบก็คือว่า การตามอย่างไม่มีความยืดหยุ่นของการตาม หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งคือการตามในเชคของตัวเอง ญามาอะฮฺของตัวเอง อย่างไม่มีเหตุผล อย่างมืดบอด และที่น่ากลัวที่สุดคือการค้านหลักฐานที่เชื่อถือได้จากนบีที่ใช้ได้เพราะแย้งกับผู้รู้ที่ตนยึดแย้ง

ยกตัวอย่างการตะอัซซุบ ได้แก่  การไม่ประสีประสาทางวิชาการต่อฝ่ายตรงข้ามทางวิชาการ หรือฝ่ายที่เห็นไม่ตรงกันในเรื่องทัศนะ ซึ่งแน่นอนว่าความขัดแย้งย่อมไม่ใช่ความเมตตาดังนี้หลายคนมักอ้างกัน แต่ในทางตรงกันข้ามมันคือความวิบัติแน่นอน  เมื่อเป็นเช่นนี้การป้องกันการตะอัซซุบมากที่สุดคือการจำนนต่อหลักฐานนั้นเอง  นี้คือลักษณะของชาวซุนนะฮฺที่ไม่ยึดติดอย่างหูตาบอด กล่าวคือหากผู้รู้ในญามาอะฮฺของตนมีทัศนะต่อเรื่องหนึ่งอย่างนี้ แล้วผู้รู้อีกญามาอะฮฺหนึ่งมีทัศนะที่แตกต่างกัน  หากผู้รู้ท่านใดนำหลักฐานซึ่งหักล้างทัศนะหนึ่งอย่างสิ้นเชิง  วายิบที่ทุกคนจะต้องยอมจำนนต่อหลักฐานที่ถูกต้องกว่า หากยังหลับหูหลับตายึดทัศนะของเชคตัวเองซึ่งถูกหักล้างอย่างสิ้นเชิงอยู่ นั้นแหละครับถือว่าเป็นการตะอัซซุบอย่างแท้จริง

ในประเด็นการไม่ยึดติด ไม่ว่าจะในเรื่องการทำงานในญามาอะฮฺต่างๆ หรือเรื่องหลักการทางศาสนาๆต่าง ฉันเห็นว่า ไม่ได้หมายความว่า ไม่เอาอุลามาอฺอย่างแน่นอน  และการไม่ยึดติดไม่ได้เป็นอันตรายอย่างแน่นอน เพราะการไม่ยึดติด ในความเข้าใจของฉันหมายถึง การไม่ยึดติดที่ตัวอุลามาอฺ แต่ให้พิจารณาสิ่งที่อุลามาอฺนำมาต่างหาก ซึ่งนี้คือความหยืดหยุ่นที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเอง

ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นในกลุ่มทำงานปัจจุบัน ข้าพเจ้าไม่อาจพูด ได้ว่าเป็นเพราะเหตุใด  เพราะต้องการให้มาตามเชคของตัวเอง หรือเพราะต้องการให้มาเข้าร่วมญามาอะฮฺของตัวเอง เพราะ………  (อีกมากมายอย่างที่ผู้รู้บางท่านสันนิษฐานไว้)  ข้าพเจ้ากล่าวได้แค่ว่า ข้าพเจ้าไม่อาจทราบได้ เพราะข้าพเจ้าไม่อาจแขวะหัวใจใครดูได้  และข้าพเจ้าเห็นว่าการตั้งข้อสันนิษฐานเยี่ยงนี้ ไม่ควรเกิดขึ้นและเป็นการนึกคิดที่ไม่ถูกต้อง เพราะไม่ควรที่มุสลิมจะสงสัยพี่น้องของเขาในทางที่ไม่ดี 
  วัลลอฮฺอะลัม
8 ธันวาคม 2554