กำหนดแก่บรรดาผู้ศรัทธาหญิงคือการปกปิดร่างกายด้วยผ้าคลุมศรีษะลงมาถึงหน้าอกของเธอ(อันนูร:31)
คำตอบสำหรับผู้ศรัทธาหญิงต่อบทบัญญัติข้างต้นคือ เราได้ยินแล้ว และเราเชื่อฟัง เราปฏิบัติตาม(อันนูร:51) แต่ในยุคปัจจุบันลัทธิฏอฆูตที่ขนานนามกันว่าประชาธิปไตยกำลังคุกคามหลักการข้อนี้ของพระผู้เป็นเจ้า
อัลลอฮ์สั่งให้ปกปิดร่างกาย (อันนูร:31)
ประชาธิปไตยบอกว่า ผู้หญิงต้องมีสิทธิสตรีในการแต่งกาย
อัลลอฮ์บอกว่าทุกสรรพสิ่งเป็นของพระองค์และจำต้องสิโรราบต่อบทบัญญัติของพระองค์ (อันนูร:42)
ประชาธิปไตยบอกว่า ผู้หญิงโชว์ร่างกายของตนเอง
อัลลอฮ์บอกว่าพระองค์สร้างมนุษย์มาในสภาพที่สวยงาม (อัตตีน:4)
ประชาธิปไตยบอกว่าอัลลอฮ์ผิดพลาดในการสร้าง ดังนั้นผู้หญิงควรศัลยกรรมตกแต่งร่างกายเพื่อความสวยงาม
อัลลอฮบอกว่าผู้ศรัทธาหญิงจะสงวนความสวยงามของนาง เพื่อสามีของนางเท่านั้น (อันนูร:31)
ประชาธิปไตยบอกว่า ผู้หญิงควรแก้ผ้าเพื่อแสดงให้บุรุษเพศที่เห็นเธอลุ่มหลง
ทุกวันนี้ดูเหมือนว่ามุสลิมผู้ซึ่งประกาศว่าตนเองคือผู้เชื่อฟังและสิโรราบต่อบัญญัติของอัลลอฮ์อย่างไม่มีเงื่อนไข กำลังเห็นดีเห็นงามกับลัทธิเจว็ดนี้ ด้วยการดัดแปลงลักษณะการแต่งกายของพวกเธอไปในลักษณะต่างๆ ประหนึ่งไม่มีความแตกต่างใดๆเลยกับผู้ซึ่งปฏิเสธการปกปิดที่อัลลอฮ์บัญญัติ
พวกเธอดัดแปลงเครื่องแต่งกายไปเพื่อความทันสมัย เพื่อความเป็นประชาธิปไตยและโลกาวิวัฒน์จนแทบไม่คิดถึงวันโลกาวินาศกันบ้างเลย พวกเธอปิดบังเส้นผมเพียงเพื่อให้สังคมรับรู้ว่าพวกเธอเป็นมุสลิมเท่านั้นเอง
โอ้พี่น้องผู้ศรัทธาหญิงถึงเวลาแล้วที่ท่านต้องทบทวน ถึงเวลาแล้วที่ท่านจะต้องกล้าที่จะยืนเพื่อประกาศว่า........
ฉันศรัทธาในอัลลอฮ์ ฉันปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์
หากการคลุมฮิญาบ หากการปกปิดคือการกดขี่
พวกเราขอสาบานต่ออัลลอฮ์ว่า.......
“พวกเรามีความยินดีที่จะถูกกดขี่ ดีกว่าการมีเสรีภาพด้วยการแก้ผ้า”
เพิ่มเติมที่ Baitulansar.info
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น